วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

สตรลดน้ำหนัก 13 วัน สามารถลดได้จริง

สตรลดน้ำหนัก 13  วัน สามารถลดได้จริง
ตารางควบคุมอาหาร 13 วัน  









วันที่1 อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย
อาหารกลางวัน - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง /ผักกาดต้ม 3 ขีด /มะเขือเทศสด 1 ผล
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด /น้ำมะนาว

วันที่2 อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย
อาหารกลางวัน - เนื้อหมูอบ 2.5 ขีด /โยเกริ์ต 1 ถ้วย
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด /น้ำมะนาว /ผลไม้ 1 ผล

วันที่3 อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย/ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารกลางวัน - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง /เนื้อหมูอบ 1 ขีด / สลัด /น้ำมะนาว
อาหารเย็น - คื่นช่ายต้มสุก 3 ขีด/ มะเขือเทศ 1 ผล /ผลไม้ 1 ผล

วันที่4 อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย /ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารกลางวัน - น้ำส้มคั้น 1 แก้ว/ โยเกริ์ต 1 ถ้วย
อาหารเย็น - ไข่ต้มแข็ง 1 ฟอง / แครอทสด 1 หัว/นมจืด 1 กล่อง

วันที่5 อาหารเช้า - แครอทสด 1 หัว(ราดด้วยน้ำมะนาว)
อาหารกลางวัน - เนื้อปลากะพงนึ่ง 2 ขีด
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด

วันที่6 อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย/ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารกลางวัน - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง/ แครอทสด 1 หัว
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด/ สลัด /น้ำมะนาว

วันที่7 อาหารเช้า - ชา 1 ถ้วยไม่ใส่น้ำตาล/ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารกลางวัน - น้ำเปล่าอย่างเดียว
อาหารเย็น - หมูอบ 2 ขีด / ผลไม้ 1 ผล

วันที่8 อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย
อาหารกลางวัน - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง /ผักกาดต้ม 3 ขีด /มะเขือเทศสด 1 ผล
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด /น้ำมะนาว

วันที่9 อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย
อาหารกลางวัน - เนื้อหมูอบ 2.5 ขีด /โยเกริ์ต 1 ถ้วย
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด /น้ำมะนาว /ผลไม้ 1 ผล

วันที่10 อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย/ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารกลางวัน - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง /เนื้อหมูอบ 1 ขีด / สลัด /น้ำมะนาว
อาหารเย็น - คื่นช่ายต้มสุก 3 ขีด/ มะเขือเทศ 1 ผล /ผลไม้ 1 ผล

วันที่11 อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย /ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารกลางวัน - น้ำส้มคั้น 1 แก้ว/ โยเกริ์ต 1 ถ้วย
อาหารเย็น - ไข่ต้มแข็ง 1 ฟอง / แครอทสด 1 หัว/นมจืด 1 กล่อง

วันที่12 อาหารเช้า - แครอทสด 1 หัว(ราดด้วยน้ำมะนาว)
อาหารกลางวัน - เนื้อปลากะพงนึ่ง 2 ขีด
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด /สลัด

วันที่13 อาหารเช้า - กาแฟดำ 1 ถ้วย/ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
อาหารกลางวัน - ไข่ต้มแข็ง 2 ฟอง/ แครอทสด 1 หัว
อาหารเย็น - เนื้อไก่อบ 2 ขีด/ สลัด /น้ำมะนาว


โครงการควบคุมอาหาร 13 วัน
จุดประสงค์ เพื่อปรับปรุงการเผาผลาญอาหารของร่างกาย หลังจากครบ 13 วัน
จะรับประทานอาหารได้ตามปกติ น้ำหนักจะไม่ขึ้นมาอีกเลยเป็นเวลา 2 ปี
ข้อสำคัญหากทำตามตารางนี้อย่างเคร่งครัดจะลดน้ำหนักได้ประมาณ 7-20 กิโลกรัม
ปริมาณอาหารในช่วงควบคุมอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
จะทำปฏิกิริยาการเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้ตามร่างกายมาใช้เป็นพลังงานทดแทน
ในช่วงระยะเวลา 13 วันนี้ ห้ามดื่มเบียร์ ไวน์ สุรา ขนมหวาน หมากฝรั่ง ลูกอม
หรืออาหารอื่นๆ แม้แต่เพียงเล็กน้อย การควบคุมอาหารครั้งนี้จะไม่บังเกิดผลใดๆ
เลย และถ้าจะเริ่มใหม่ต้องทำหลังจาก 6 เดือนไปแล้ว แต่ถ้าควบคุมได้ถึง 6 วัน
ก็สามารถเริ่มต้นควบคุมใหม่ได้หลังจาก 3 เดือนไปแล้ว
หากหิวนอกเหนือจากเวลาที่กำหนด ให้ดื่มน้ำมากๆ ห้ามดื่มหรือทานอย่างอื่นแทน
http://bbs.pramool.com/webboard/view.php3?katoo=d02373

วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

คุณประโยชน์อาหารเสริมสุขภาพ ที่ทุกคนไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง (ได้รับรองจาก ฮาลาล)








ทุกวันนี้คนเราเจอกับมลภาวะตั้งแต่อากาศที่หายใจ อาหารที่รับประทาน น้ำที่ดื่มทุกวัน ก่อให้เกิดปัญหาอนุมูลอิสระสะสมในร่างกายเป็นประจำทุกวันแบบไม่รู้ตัว หนำซ้ำอาวุธที่มนุษย์มีไว้ต่อต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติก็ร่อยหรอลงไปทุกที จะหาผักผลไม้ปลอดสารพิษได้จากที่ไหน? แร่ธาตุในดินที่ลดลงไปเรื่อยๆ จะทำให้ผลไม้มีคุณค่าเพียงพอได้อีกกี่ปี? เศรษฐกิจซบเงินซื้อผลไม้ก็ดูจะกลายเป็นของฟุ่มเฟือยสำหรับบางครอบครัว หลากหลายปัญหาที่ทำให้มนุษย์เป็นโรคเสื่อม ทั้งเกิดจากภายนอกและจากภายในคือความเครียดจากการทำงานก็ก่อให้เกิดปัญหากับระบบร่างกายเช่นเดียวกัน วันนี้อาจจะยังแข็งแรงอยู่ แต่ทุกอย่างมันกำลังก่อร่างสร้างตัวอยู่ในร่างกายของคุณนั่นเอง เมื่อใดเม็ดเลือดขาวแพ้ เมื่อนั้นก็จะแสดงอาการออกมา
สารอาหารบำบัดหรือที่ในบ้านเราเรียกกันว่า "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร" นั้นดูหลายคนจะขยาดและอยากวิ่งหนีเมื่อได้ยินคำนี้เพราะทราบว่าต้องเสียเงิน... จริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการป้องกันเราจากโรคเสื่อมต่างๆ ที่มีอันดับการตายเป็นอันดับ 1 - 10 อยู่ทุกๆ ปี เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, โรคไขข้อ, โรคหลอดเลือดอุดตัน, โรคเบาหวาน ฯลฯ อีกสารพัด สาเหตุหลักที่เกิดโรคพวกนี้ขึ้นก็เพราะ "เซลอ่อนแอ" หรือ "เซลขาดออกซิเจน" เพราะสู้รบกับอนุมูลอิสระไม่ไหวนั่นเอง จึงเป็นสาเหตุที่เราต้องมอง "สารอาหารบำบัด" เพื่อป้องกันโรคเสื่อมที่สะสมอยู่ในร่างกาย

ทำไมต้องใช้สารอาหารบำบัด ?
นพ.เรย์ ดี สแตรนด์ (Ray D. Strand, M.D.) ทำการวิจัยเกือบ 10 ปี พบว่าคุณประโยชน์ของ "สารอาหารบำบัด" ที่มีคุณภาพสูง สามารถช่วยให้ร่างกายมีสมรรถภาพต่างๆ คือ
1.             เพิ่มภูมิต้านทานโรค
2.             เพิ่มศักยภาพให้ Antioxidant สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสื่อม ความชรา และมะเร็ง
3.             ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคลมปัจจุบัน มะเร็ง ข้ออักเสบ ความเสื่อม ต้อกระจก อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน หืด โรคปอด โรคจากความเสื่อมเรื้อรัง
4.             ช่วยรักษาโรคที่มีความเสื่อมเริ้อรัง
จริงอยู่...คุณหมอบางท่านอาจจะบอกว่า "ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ก็พอแล้ว" ถูกต้อง! พอแน่นอนถ้าคุณรู้ว่าต้องทานอย่างไร ในปริมาณเท่าไร แต่ทุกวันนี้คุณหมอบอกต่อหรือเปล่าว่า ต้องทานมาก - น้อยแค่ไหน ? ถ้าไม่ทราบ...ลองตอบคำถามเหล่านี้ดู
ถ้า...คุณตอบว่า ใช่...! ในข้อใดข้อหนึ่ง คุณสมควรกิน "สารบำบัด"
1.             คุณไม่ได้กินอาหารดีๆ มีประโยชน์ทุกมื้อ เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืช ผัก และผลไม้สดอินทรีย์ (ไร้สารพิษ 100%) เต้าหู้ สาหร่ายทะเล ปลา และอาหารทะเลไร้สารพิษ เป็นต้น
2.             คุณไม่ได้ทานผักครบ 5 สีทุกมื้อ หรือทานผักผลไม้ครบ 2 กิโลกรัมทุกวัน (หรือ 80% ใน 1 วัน)
3.             คุณทานอาหารเป็นประเภททอด ปิ้ง ย่าง ผัด เป็นส่วนใหญ่ และใช้ความร้อนกับน้ำมันพืชเกิน 60 องศาเซลเซียส
(ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระมหาศาลตั้งแต่กระบวนการทำอาหาร จนถึงรับประทานเข้าไป)
4.             คุณไม่ได้ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้งขึ้นไป
5.             คุณอยากมี "สุขภาพดี 120 ปี ไม่มีป่วย" หรืออยากมีสุขภาพดี ดูดี อ่อนกว่าวัย 10 - 30 ปี
6.             คุณไม่อยากเป็นเหมือนคนทั่วไป ที่มีความเจ็บป่วย พิการ ดูเหมือนเป็นเรื่อง "ธรรมดา" ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น
·         อายุ 40 ปี   เริ่มมีโรค เริ่มพบแพทย์
·         อายุ 50 ปี   มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต้องกินยาตลอดชีวิต
·         อายุ 60 ปี   ต้องนอนโรงพยาบาล เป็นมะเร็ง หรือผ่าตัด เสียเงินอีกหลายแสนบาท
·         อายุ 70 ปี   ต้องนอนโรงพยาบาลนาน 2 - 3 เดือน หรือนอน ICU
·         อายุ 80 ปี   พิการ อัมพาต นอนบนเตียงตลอดชีวิต หรือตาย
จริงๆ แล้วคุณสามารถป้องกันได้ทั้งหมด ด้วยการดูแลเซลให้แข็งแรงอยู่เสมอ กระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้คอยต่อต้านอนุมูลอิสระ ไม่ให้ส่วนไหนของร่างกายอ่อนแอ แต่จะทำได้ "สารอาหารบำบัด" จึงจำเป็น
เหตุผลในการเลือกกินผลิตภัณฑ์ "สารอาหารบำบัด" ของคนทั่วไป 5 อันดับแรก
1.             ดีต่อสุขภาพ                          25.5 %
2.             แข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย            24.0 %
3.             มีภูมิต้านทานโรค                   12.5 %
4.             มีประโยชน์ต่อร่างกาย               9.0 %
   5.  ไม่อยากอ้วน / ควบคุมน้ำหนัก     4.0 %

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

ฮวงจุ้ยเสื้อผ้า

ฮวงจุ้ยเสื้อผ้า


 
หลายคนอาจงงว่า เสื้อผ้ามีหลักฮวงจุ้ยด้วยหรือ ลองมาดูกันคำว่า "ฮวงจุ้ย" ไม่ได้หมายถึงสถานที่หรือการจัดวางตำแหน่งสิ่งของภายในบ้านแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงเสื้อผ้าด้วย
ซักเสื้อที่หน้าบ้าน
เสื้อผ้าที่ใช้แล้วมีความสกปรก การซักล้างที่หน้าบ้านจะทำให้พลังมงคลที่ผ่านเข้ามา กลายเป็นพลังอัปมงคล
ตากเสื้อไว้หน้าบ้าน
เป็นข้อห้ามในทางฮวงจุ้ย เพราะจะทำให้พลังความเป็นมงคลและความโชคดีหายไปจนหมดสิ้น หากหน้าบ้านแฉะและลื่น เทพเจ้าเงินตราจะผ่านเลยบ้านนั้นไปทันที
ฮวงจุ้ยตู้เสื้อผ้า
ตู้เสื้อผ้าที่มีประตูตู้เป็นบานกระจก ต้องระมัดระวังในการตั้งวาง ไม่ควรตั้งวางให้กระจกส่องเห็นเตียงที่นอน เพราะจะส่งผลเสียทางฮวงจุ้ยในด้านโชคลาภและสุขภาพต่อผู้ที่นอน ซึ่งหากคุณเป็นคู่สามีภรรยาจะก่อให้เกิดปัญหา ด้านความรักความสัมพันธ์ การแตกแยก แต่หากคุณเป็นหนุ่มสาว หรือหนุ่มใหญ่สาวน้อยที่นอนอยู่เพียงคนเดียว จะก่อให้เกิดปัญหาที่เกี่ยวกับสุขภาพ ที่นำพาให้คุณต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทองกับโรคภัย สำหรับนักเรียนหรือเด็กเล็ก ก็จะเป็นเรื่องสุขภาพ สติปัญญาและการเรียนรู้
ฮวงจุ้ย : สีเสื้อผ้าเสริมดวงได้นะ
เวลาที่สาวๆ บรรจงเลือกชุดแต่ละชุด ทั้งสไตล์ สีของเสื้อผ้า ล้วนบอกถึงรสนิยมและตัวตนของแต่ละคน ความละเมียดละไมอย่างนี้ ยังมีอิทธิพลกับดวงชะตาของคนคนนั้นอีกด้วย
ว่ากันตามหลักของจีนโบราณ สีและเนื้อผ้าของเสื้อผ้านอกจากจะมีผลกับอารมณ์ และความรู้สึกของคนใส่แล้ว ยังส่งพลังไปถึงคนรอบๆ ข้างที่พบปะพูดคุยกับเราด้วย การเลือกสีของเสื้อผ้าจึงกลายเป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยให้เกิดสมดุลกับคนนั้นๆ และสะท้อนเป็นสิ่งดีๆ ตามมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
กูรูด้านเสื้อผ้าอย่าง คอตตอน ยูเอสเอ และคอตตอน อินคอร์ปอเรท ให้คำแนะนำว่า การเลือกเนื้อผ้า สีเสื้อผ้า เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยปรับเปลี่ยนอารมณ์ และสร้างพลังให้เกิดความสมดุลแก่ชีวิต เช่น เลือกใช้เสื้อผ้าที่ทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติอย่างผ้าฝ้าย และเลือกสีเสื้อผ้าที่เหมาะสม ก็จะช่วยเสริมสมดุลให้กับอารมณ์ และความรู้สึกของเรา เพราะเมื่อเราได้สวมใส่เสื้อผ้าที่สบาย เหมาะสมกับงานต่างๆ ตลอดจนสีของเสื้อผ้าที่เข้ากันกับบุคลิก ก็ทำให้ผู้ที่สวมใส่มั่นใจ เสริมบุคลิกให้โดดเด่น
สุวิมล เทียมจันทร์ ดีไซเนอร์ บริษัท บลูคอร์เนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ให้คำแนะนำว่า คนไทยมีสีผิวที่แตกต่าง ดังนั้นสิ่งแรกๆ ที่ต้องทำความรู้จักคือ สีผิว ให้เช็กดูว่าตัวเองมีสีผิวเฉดไหน เพื่อจะได้เลือกสีเสื้อผ้าที่เสริมบุคลิกให้โดดเด่น

พยามยามอย่าจับคู่เสื้อผ้าสีร้อนแรงมาเจอคู่กัน เช่น ท่อนบนสีเหลือง-ท่อนล่างสีแดง ควรเปลี่ยนท่อนล่างให้เป็นสียีนส์เข้ม แต่แฟชั่นก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้มีการกำหนดตายตัว ว่าอะไรจะต้องจับคู่กับอะไร แต่ควรเลือกสไตล์เสื้อผ้า เนื้อผ้า รวมถึงสีของเสื้อผ้า ให้เหมาะสมกับบุคคลที่เราต้องไปพบเจอ ตรงกับคอนเซปต์ของงาน เพียงเท่านี้ก็จะทำให้สาวๆ ดูดีมีสไตล์
ต่อไปนี้มาดูว่า โอกาสต่างๆ คุณควรเลือกใส่เสื้อผ้าสีอะไรให้เหมาะกาลเทศะ ใส่แล้วจะได้เฮงๆ กันถ้วนหน้า สวยบรรเจิดกับ สีแดง
ไม่ว่าจะเป็นสีแดงจัด สีแดงตุ่น สีแดงแจ๊ด หรือแดงไหนๆ ก็ดูจะเป็นสีสะท้อนความมั่นใจของสาวๆ ที่อยากเติมแต่งสีสันชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ในงานปาร์ตี้ หรือแม้กระทั่งเวลาทำงาน อยู่ในที่ประชุม สีแดงก็เป็นอีกสี ที่พร้อมจะเข้ามาเสริมพลังให้สาวๆ ได้ไอเดียบรรเจิดเหมือนกัน อ่อนหวานละมุนกับ สีชมพู
สีชมพูเป็นสีที่โอบล้อมด้วยความหวานและโรแมนติก สาวๆ ที่ต้องการมีช่วงเวลาหวานละมุนกับคนรัก ต้องไม่พลาดที่จะหยิบชุดสวยสีชมพูมาใส่ เพราะสีนี้จะช่วยสร้างความอบอุ่น น่าทะนุถนอม แถมยังเหมาะมากกับเวลาที่สาวๆ ต้องการจะง้อใครสักคน การใส่เสื้อผ้าสีชมพูจะช่วยผ่อนคลายอารมณ์ให้เขาหายโกรธเราได้อีกด้วย สบายตากับ สีขาว
เวลาที่ต้องการสร้างเครดิตในการติดต่อเจรจาต่อรองในงาน ทำให้คนคุยด้วยเกิดความเชื่อถือ ขอแนะนำให้สาวๆ เสือกเสื้อสีขาวที่ดูสบายตามาสวมใส่ สีขาวจะทำให้คุณดูเป็นคนที่มีความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด รอบคอบ และยังดูเป็นคนเอาจริงเอาจัง และถ้าเลือกชุดสีขาวแล้ว ก็อย่าลืมดูแลไม่ให้ชุดหม่นเปรอะเปื้อนด้วย สดใสกับ สีเหลือง
สีเหลือง หรือสีในแนวเอิร์ทโทน เป็นโทนสีที่สว่าง เหมาะมากสำหรับสาวๆ วัยรุ่นที่มีความน่ารักสดใสในตัวเอง ส่วนสาวทำงาน ชุดเสื้อผ้าสีเหลืองหรือสีแนวเอิร์ทโทน จะช่วยเสริมบุคลิกให้ดูน่าเชื่อถือ น่าไว้วางใจ แนะนำให้สวมชุดสีนี้เวลาไปพบผู้ใหญ่ หรือไปติดต่อเจรจาในหน้าที่การงาน
เบ่งบานกับชีวิต ด้วย สีเขียว
สีเขียวเป็นสีของธรรมชาติ มีความหมายเกี่ยวพันกับการเจริญเติบโตงอกเงย และเป็นสีแห่งการพัฒนา สีเขียวนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสาวๆ ที่ต้องการเดินทางไปศึกษาต่อ สมัครสอบ หรือจะใส่ไปเรียนหนังสือ เพราะสีนี้จะทำให้คุณได้เป็นผู้รู้ มีความตั้งใจที่จะศึกษา และแสวงหาความรู้ใหม่ๆ ให้กับตัวเอง
เปิดรับความสำเร็จ กับ สีม่วง
สีม่วงเป็นสีที่ดูเคร่งขรึม ลึกลับ แต่กลับมีเสน่ห์ชวนค้นหา ตามความเชื่อโบราณ สีม่วงเป็นสีแห่งความยิ่งใหญ่ เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ ความลี้ลับ และความสำเร็จ สำหรับสาวๆ ที่อยากให้เรื่องที่วางแผนไว้ไม่มีพลาด ลองหยิบเสื้อผ้าโทนสีนี้มาใส่ในวันและโอกาสที่สำคัญๆ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอความสำเร็จที่ไม่คาดคิด อบอุ่นกับ สีน้ำตาล
เวลาเดินทางไปไหน หรือจะต้องทำอะไรสักอย่าง แต่รู้สึกกลัว ประหม่า และไม่ปลอดภัยกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ขอแนะนำให้สวมใส่เสื้อผ้าที่มีโทนสีน้ำตาล หรืออาจใส่เพียงเสื้อคลุมผ้าฝ้ายสีน้ำตาลเข้มช็อกโกแลต เพราะสีดังกล่าวจะช่วยลดความรู้สึกกลัวของคุณลงได้ เปรียบเสมือนสีของดินที่ช่วยให้รู้สึกอบอุ่นสบายใจ และทำให้คุณรู้สึกว่าทุกอย่างจะลงตัวและเรียบร้อย มนต์อำนาจกับ สีดำ

สีดำเป็นสีที่แสดงถึงการมีอำนาจ มีพลัง ให้ความรู้สึกที่ลึกซึ้ง และแข็งแกร่ง แต่ขอแนะนำว่า ถ้าอยากจะใส่เสื้อผ้าสีดำ ควรเลือกให้เป็นสีดำเพียงชิ้นเดียว อาจจะเป็นแค่เสื้อท่อนบน กางเกงหรือกระโปรงดำสำหรับท่อนล่างเพียงอย่างเดียว ไม่ควรเป็นชุดดำทั้งหมด หรือใส่เดรสสีดำที่มีการตัดเย็บและลูกเล่นที่ดี จะช่วยเพิ่มเสน่ห์และบุคลิกของคนใส่ได้เป็นอย่างดี ของแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่!ฮวงจุ้ยรูปถ่าย
การติดตั้งรูปของคุณให้ถูกตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อเสริมโชคลาภในชีวิตของคุณ
การแขวนรูปครอบครัว
ควรจะเลือกภาพที่คนในภาพแสดงถึงมีความสุข หันหน้าเข้าหากันสื่อถึงรักใคร่กลมเกลียวกัน
ไม่ควรแขวนภาพเดี่ยวของแต่ละคนไว้ในมุมเดียวกัน
ควรหันหน้าภาพไปทางเดียวกัน ไม่หันหน้าไปคนละทิศละทาง จะเป็นนัยของความหมางเมินห่างเหิน ถ้าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน หรือคู่ชีวิตยิ่งไม่ควร
ไม่นำรูปถ่ายไปแขวนบนผนังของห้องน้ำ ห้องสุขา
เพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้ชีวิตประสบแต่ความทุกข์ร้อน อีกนัยหนึ่งจะส่งผลให้สุขภาพไม่ดี ส่วนหนึ่งห้องน้ำจะชื้นตลอดจะทำให้ภาพเสียหายได้ไม่แขวนรูปถ่ายตรงกับประตูห้องน้ำ เพราะจะทำให้อับโชคและมีแต่ทุกข์ร้อน การงานก็ไม่ค่อยได้รับความช่วยเหลือนัก เหมือนคนจะไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไหร่ไม่แขวนรูปให้ตรงกับประตูหน้าบ้าน
เพราะจะทำให้ประสบแต่เรื่องทุกข์ร้อน ใครเข้ามาก็นำเอาปัญหามาให้ มีแต่ความวุ่นวายไม่จบไม่แขวนรูปถ่ายตรงกับบันได จะทำให้ชีวิตไม่สงบสุข เพราะโดนเหยียบย่ำตลอด แม้แต่หน้าที่การงานก็จะหยุดอยู่กับที่กว่าจะเลื่อนไปแต่ละขั้นแสนสาหัสไม่แขวนรูปถ่ายไว้ในห้องใต้ดินเพราะจะทำให้ไม่เจริญ เหตุเพราะบางบ้าน ห้องใต้ดินแทบจะไม่เคยเปิดเลย เป็นห้องปิดตายที่ความหมายไม่ดีการเลือกใส่เสื้อผ้าตามหลักฮวงจุ้ยการเลือกใสเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับฮวงจุ้ยนั้นก็เป็นการเสริมบุคลิกภาพที่ดีของผู้สวมใส่ได้เช่นกันค่ะ โดยเฉพาะการเลือกสีสันของผ้าที่จะนำมาสวมใส่ สีสันเหล่านี้จะช่วยเสริมบารมีของผู้ที่สวมใส่อย่างไร และผู้นั้นควรจะสวมใส่เสื้อผ้าสีใด 

 (สมควรใส่)
ประสบความสำเร็จ = สีดำ,สีน้ำเงิน
มีโชคลาภ = สีเขียว
มีอำนาจ = สีแดง
ได้รับความช่วยเหลือ = สีชมพู
(ไม่สมควรใส่)
ทะเลาะ = สีเทา,สีครีม
เจ็บป่วย ผิดหวัง = สีขาว
กาลกิณี = สีส้ม,สีม่วง,สีเหลือง


วันอาทิตย์
(สมควรใส่)
ประสบความสำเร็จ = สีส้ม,สีม่วง,สีเหลือง
มีโชคลาภ = สีขาว
มีอำนาจ = สีเทา,สีครีม
ได้รับความช่วยเหลือ = สีแดง
(ไม่สมควรใส่)
ทะเลาะ = สีเขียว
เจ็บป่วย ผิดหวัง = สีดำ,สีน้ำเงิน
กาลกิณี = สีชมพู

วันจันทร์
(สมควรใส่)
ประสบความสำเร็จ = สีเทา,สีครีม
มีโชคลาภ = สีชมพู
มีอำนาจ = สีดำ,สีน้ำเงิน
ได้รับความช่วยเหลือ = สีขาว
(ไม่สมควรใส่)
ทะเลาะ = สีส้ม,สีม่วง,สีเหลือง
เจ็บป่วย ผิดหวัง = สีแดง
กาลกิณี = สีเขียว
วันอังคาร
วันพุธ (สมควรใส่)
ประสบความสำเร็จ = สีแดง
มีโชคลาภ = สีส้ม,สีม่วง,สีเหลือง
มีอำนาจ = สีขาว
ได้รับความช่วยเหลือ = สีเขียว
(ไม่สมควรใส่)
ทะเลาะ = สีดำ,สีน้ำเงิน
เจ็บป่วย ผิดหวัง = สีชมพู
กาลกิณี = สีเทา,สีครีม
วันพฤหัสบดี
(สมควรใส่)
ประสบความสำเร็จ = สีขาว
มีโชคลาภ = สีเทา,สีครีม
มีอำนาจ = สีชมพู
ได้รับความช่วยเหลือ = สีส้ม,สีม่วง,สีเหลือง
(ไม่สมควรใส่)
ทะเลาะ = สีแดงเจ็บป่วย
ผิดหวัง = สีเขียว
กาลกิณี = สีดำ,สีน้ำเงิน

วันศุกร์
(สมควรใส่)
ประสบความสำเร็จ = สีชมพู
มีโชคลาภ = สีดำ,สีน้ำเงิน
มีอำนาจ = สีเขียว
ได้รับความช่วยเหลือ = สีเทา,สีครีม
(ไม่สมควรใส่)
ทะเลาะ = สีขาว
เจ็บป่วย ผิดหวัง = สีส้ม,สีม่วง,สีเหลือง
กาลกิณี = สีแดง


วันเสาร์
(สมควรใส่)
ประสบความสำเร็จ = สีเขียว
มีโชคลาภ = สีแดง
มีอำนาจ = สีส้ม,สีม่วง,สีเหลือง
ได้รับความช่วยเหลือ = สีดำ,สีน้ำเงิน
(ไม่สมควรใส่)
ทะเลาะ = สีชมพู
เจ็บป่วย ผิดหวัง = สีเทา,สีครีม
กาลกิณี = สีขาว

ที่มา  :
http://teemgroup.blogspot.com/2010/12/blog-post_1918.html




 

วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554

การดื่มไวน์แดงอาจช่วยชะลอความแก่

การดื่มไวน์แดงอาจช่วยชะลอความแก่
นอกจากงานวิจัยชิ้นนี้ เป็นงานวิจัยที่ศึกษาเรื่องไวน์แดงกับอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียที่เป็นพิษร้ายแรง อย่างเช่น เชื้ออีโคไลน์ และ เชื้อลิสเตอเรีย ศาสตราจารย์แอซลิน มุสตาฟา ของมหาวิทยาลัยมิสซูรี่ บอกว่า งานวิจัยชิ้นนี้ แสดงให้เห็นว่าไวน์แดงไม่ได้มีอันตรายต่อเชื้อแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในท้องมนุษย์ แต่จะช่วยป้องกันเชื้อที่เป็นอันตรายเท่านั้นศาสตราจารย์แอซลิน มัสตาฟา บอกว่า ไวน์แดงสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ และยังหยุดยั้งการ เจริญเติบโตของเชื้อโรคได้อีกด้วย และก็คือไวน์แดง 3 ชนิด ที่คุ้นเคยกันดี คือ การ์เบอร์เน่ เมโล และ พีโน นัว
นอกจากนี้ เธอยังบอกว่า ต้นองุ่น หรือเปลือกของผลองุ่นจะผลิตสารเคมีชนิดนี้ขึ้นเองตามธรรมชาติ เพื่อช่วยป้องกันโรคให้กับตัวเอง และสารเคมีนี้ ยังพบได้ในไวน์แดง ซึ่งอาจจะ ช่วยป้องกันเชื้อโรคให้ร่างกายมนุษย์ได้ด้วย แต่งานวิจัยบางชิ้นก็แย้งในเรื่องประโยชน์ของการดื่มไวน์เหมือนกัน แต่ศาสตราจารย์แอซลิน มัสตาฟาก็โต้ว่า แม้จะเป็นไวน์แดงที่เจือจาง ก็ยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค หรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้อยู่ อาจารย์จากมหาวิทยาลัยมิสซูรี่ท่านนี้ ยังบอกอีกว่า กุญแจสำคัญคือ สำหรับผู้หญิงให้ดื่มไวน์แดง แบบพอประมาณ สักหนึ่งแก้วต่อวัน ด้วยแก้วขนาดประมาณ 120 มิลลิลิตร และสำหรับผู้ชายก็ 2 แก้วต่อวัน (ถ้าแก้วกรึบ ประมาณ 30 มิลลิลิตร) ถ้า 120 มิลลิลิตรก็เล็กกว่าแก้วไวน์ข้างล่างนี้หน่อย แค่นี้ก็รู้สึกว่ามึนแล้ว (อย่าลืมต่อวันนะ ไม่ใช่ต่อครั้งนะ บางราย 5 ลิตร 2 คน ครั้งเดียวหมดเลย เดินเป๋ที่เดียว ขนาดแอลกอล์ฮอล์แค่ 8-9 ดีกรี แต่มันขึ้นทีหลัง ล้มทีเดียวครับ)
แต่ก็ไม่ใช่ว่าไวน์ทุกอย่างจะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ เพราะสำหรับไวน์ขาวนั้น นักวิจัยบอกว่าไม่สามารถฆ่า หรือยับยั้งเชื้อโรคได้เหมือนไวน์แดง นักวิจัยสเปนแนะการดื่มไวน์แดงอาจช่วยชะลอความแก่ หลังพบสารเมลาโทนินในผิวองุ่น รวมถึงอาหารอีกหลายชนิด เช่น หอมหัวใหญ่ ข้าวและเชอร์รี่ สามารถปกป้องเซลล์จากการถูกทำลายตามอายุขัยที่เพิ่มขึ้น
ด้วยเหตุนี้ นักวิจัยจึงแนะนำผู้ที่ต้องการต่อสู้กับการทำร้ายของกาลเวลา ด้วยการเพิ่มสารเมลาโทนินโดยการกินอาหาร เช่น หอมหัวใหญ่ กล้วย ข้าว เชอร์รี่ รวมถึงดื่มไวน์แดงมากขึ้น ตั้งแต่อายุย่างเข้า 30 ปีเมลาโทนินเป็นสารธรรมชาติที่มีบทบาทสำคัญต่อนาฬิกาชีวภาพในร่างกาย และเป็นที่นิยมแพร่หลายสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางบ่อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการเจ็ตแล็ก หรืออาการอ่อนเพลียจากการเดินทางเป็นเวลานานๆ เนื่องจากร่างกายยังปรับสภาพกับเวลาไม่ได้
นอกจากมีผลต่อนาฬิกาชีวภาพแล้ว งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า เมลาโทนินทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการทำลายเซลล์ทั้งนี้ นักวิจัยจากเครือข่ายวิจัยภาวะสูงวัยของสเปนศึกษาจากหนูที่ถูกตัดต่อทางพันธุกรรมและมีปัญหาแก่ก่อนวัย และพบว่าภาวะชราเริ่มปรากฏครั้งแรกเมื่อหนูอายุ 5 เดือน หรือ 30 ปีสำหรับมนุษย์ โดยเกิดจากการที่ร่างกายมีปริมาณออกซิเจนและไนโตรเจนที่ทำให้เกิดอาการอักเสบและทำลายเซลล์มากขึ้นจากนั้น นักวิจัยให้หนูทดลองกินเมลาโทนิน ผลปรากฏว่าสารชนิดนี้สามารถยับยั้งกระบวนการชราได้


ที่มา  : http://teemgroup.blogspot.com/2010/12/3-120-2-30-120-5-2-8-9-30-5-30-5-30-40.html

การทาสีบ้านเสริมฮวงจุ้ย



การทาสีบ้าน
ช่วยเสริมสง่าราศีของที่อยู่อาศัย เช่นเดียวกับการ ผัดหน้าทาแป้งของมนุษย์ ที่ช่วยเสริมราศีบนใบหน้าให้น่ามองยิ่งขึ้นนั่นเอง แต่การทาสีบ้านหรือที่อยู้อาศัยนั้น มีส่วนที่จะช่วยเสริมฮวงจุ้ยของบ้านนั้นๆได้ ทั้งนี้ต้องอาศัยหลัก 5 ธาตุ สัมพันธ์ กับทิศทางของหน้าบ้านหลังนั้นๆ นั่นเอง ฉบับนี้ผู้เขียนจึงขอนำความรู้เรื่องดังกล่าวมาฝาก ท่านผู้อ่านที่รักที่คิดจะทาสีบ้านใหม่เพื่อให้ถูกโฉลก และเพิ่มความสบายใจรวมทั้งเกิดความมั่นใจว่า ได้ทำอย่างถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว
สีบ้านสัมพันธ์กับทิศทางหน้าบ้าน ลำดับที่ ทิศทางของหน้าบ้าน หลัก 5 ธาตุ สีที่ควรทาหน้าบ้าน สีที่ควรทาตัวบ้าน

1. ทิศใต้ ธาตุไฟ สีเขียว หรือ สีส้ม สีขาว

2. ทิศเหนือ ธาตุน้ำ สีขาว หรือ สีฟ้า สีเขียว หรือ สีส้ม

3. ทิศตะวันออก หรือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ธาตุไม้ สีฟ้าหรือ สีเขียว สีขาว หรือ สีครีม

4. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ธาตุดิน สีครีม หรือ สีส้ม

5. ทิศตะวันตก หรือ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ธาตุทอง สีครีม หรือ สีบรอนซ์เงิน หรือ สีบรอนซ์ทอง สีฟ้า หรือ สีขาว

การทาสีบ้าน ไม่จำเป็นต้องทาสีใหม่ทุกๆปี ผู้อยู่อาศัยควรทาสีตามความจำเป็น และตามโอกาสที่เหมาะสม ที่จะเอื้ออำนวยให้ปรับปรุงสีใหม่ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกำลังทุนทรัพย์ ของเจ้าของบ้านในช่วงนั้นๆ ด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามไหนๆ จะทาสีบ้านใหม่ทั้งที ก็ควรเลือกสีสันที่ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยไว้ เพื่อช่วยเสริมดวงผู้อยู่อาศัย และครอบครัว ให้ดียิ่งๆขึ้นไป ก็จะเกิดเป็นมงคลแก่ชีวิตได้เช่นกัน
ก่อนจะจากกันไปในฉบับนี้ ขอฝากข้อคิดคำคม สำหรับแฟนคอลัมน์ฉบับนี้ไว้ว่า " วาจา คำหนึ่งมี 36 เหลี่ยม ทุกเหลี่ยมสามารถทิ่มแทงใจคนได้ " ด้วยความคารวะหลันฮัว

 ที่มา :
teemblog various design by teemgroup.com

นาฬิกาชีวิต (BIOLOGICAL CLOCK)

รูปของบทความ นาฬิกาชีวิต

การเคลื่อนไหวของพลังชีวิตของอวัยวะภายใน มีกฎเกณฑ์ที่แน่นอนและสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเวลา
(นาฬิกาชีวิต) ร่างกายเราจึงมีกลไกการปรับตัวมีการสร้างสารคัดหลั่งฮอร์โมน การทำงานของระบบต่างๆ
เป็นไปตามสภาพธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไป การดำเนินชีวิต และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ จึงเป็นหลักฐานของการมีสุขภาพที่ดี และมีอายุยืน ปราศจากโรค
โดยแบ่งเป็นช่วงเวลา ดังนี้
01.00-03.00 น. เป็นช่วงเวลาของตับ ควรนอนหลับพักผ่อนถ้าใครนอนหลับได้ดีเป็นประจำใน
ช่วงเวลานี้ ตับจะหลั่งสารมีราโทนิน (meratonine) เพื่อฆ่าเชื้อโรค ทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย นอกจาก
ร่างกายจะหลั่งมีราทินประจำแล้ว ยังหลั่งสารเอนโดรฟิน (endorphin) ออกมาด้วยจึงไม่ควรกินอาหาร
เพราะจะทำให้ตับทำงานหนักและเสื่อมเร็ว หน้าที่หลักของตับ คือ ขจัดสารพิษในร่างกาย

ส่วนหน้าที่รอง คือ
1. ช่วยไตในการดูแลผม ขน เล็บ ถ้าตับมีปัญหา ผม ขน เล็บจะไม่สวย
2. ช่วยกระเพาะย่อยอาหาร ถ้ากินบ่อย ๆ จะทำให้ตับทำงานหนัก ตับจะหลั่งน้ำย่อยออกมามาก
จึงไม่ได้ทำหน้าที่หลัก เป็นเหตุให้สารพิษตกค้างในตับ
[ ซวยแล้ว ช่วงกินเบียร์ด้วยสิ ]

03.00-05.00 น. เป็นช่วงเวลาของปอด จึงควรตื่นนอนลุก ขึ้นเพื่อสูดอากาศที่บริสุทธิ์ และรับ
แสงแดดในยามเช้าผู้ที่ตื่นนอนช่วงนี้เป็น ประจำปอดจะดี ผิวจะดีขึ้น และจะเป็น คนที่มีอำนาจในตัว
[ (--') มันเกี่ยวกับการมีอำนาจด้วยหรอ... ]

05.00-07.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่ ควรขับถ่ายอุจจาระทำให้เป็นนิสัยทุกเช้า ถ้าไม่
ถ่ายให้ใช้วิธีกดจุดที่ตำแหน่งสองข้างของจมูกถ้ายังไม่ถ่ายให้ดื่มนํ้าอุ่น 2 แก้ว ถ้ายังไม่ถ่ายให้ดื่ม
น้ำผึ้งผสมมะนาว โดยใช้น้ำ 1 แก้ว + น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ + น้ำมะนาว 4-5 ลูก ทำดื่มจนกว่าจะถ่ายหรือ
บริหารโดยยืนตรง หายใจเข้าแล้วก้มลงพร้อมทั้งหายใจออก เอามือท้าวเข่าแขม่วท้องจนเหมือนว่า
หน้าท้องไปติดสันหลัง
[ เจ๋งอ่ะ กดจุด แล้วถ่ายได้ มันต้องลอง... ]

07.00-09.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารจะทำงาน ถ้ากินอาหารเช้า
ในช่วงเวลานี้ทุกวัน กระเพาะอาหารจะแข็งแรง ถ้าปล่อยให้กระเพาะอาหารอ่อนแอ จะส่งผลให้เป็นคน
ตัดสินใจช้า ขี้งวล ขาไม่ค่อยมีแรง ปวดเข่า หน้าแก่เร็วกว่าวัย
[ มิน่าล่ะ ทำไมเราหน้าเด็ก เพราะกินข้าวเช้านี่เอง โฮะๆ ]

09.00-11.00 น. เป็นช่วงเวลาของม้าม ม้ามจะอยู่ชายโครงด้านซ้าย มีหน้าที่ควบคุมเม็ดเลือด
สร้างน้ำหลือง ควบคุมไขมัน คนที่ปวดศีรษะบ่อยมักจากความผิดปกติของม้าม อาการเจ็บชายโครง
สาเหตุมาจากม้ามกับตับ
- ม้ามโต ม้ามจะไปเบียดปอด ทำให้เหนื่อยง่าย ผอมเหลือง ตาเหลือง สร้างเม็ดเลือดขาวได้น้อย
- ม้ามชื้น อาหารและนํ้าที่กินเข้าไปจะแปรสภาพเป็นไขมนั จึงทำให้อ้วนง่าย
ผู้ที่มักนอนหลับในช่วงเวลา 09.00-11.00 น. ม้ามจะอ่อนแอ นอกจากนี้ม้ามยังโยงถึงริมฝีปาก
ผู้ที่พูดบ่อยๆหรือพูดเก่ง ๆ ม้ามจะชื้น จึง ควรพูดน้อยกินน้อยจึงแข็งแรง
จะบอกว่าไม่ควรตื่นสายใช่ไหม.]

11.00-13.00 น. เป็นช่วงเวลาของหัวใจ หัวใจทำงานหนักในช่วงเวลานี้ จึงควรหลีกเลี่ยง
ความเครียด เหตุที่ทำให้ต้องใช้ความคิดหนัก และหาทางระงับอารมณ์ตื่นเต้นหรืออาการตกใจให้ได้
 อืม... งั้นประชุมไม่ได้นะ คุณหัวหน้า นอนพักดีกว่า อิอิ

13.00-15.00 น. เป็นช่วงเวลาของลำไส้เล็ก จึงควรงดการกินอาหารทุกประเภทเพื่อเปิด
โอกาสให้ลำไส้ทำงาน ลำไส้เล็กมีหน้าที่ ดูดซึมสารอาหารที่เป็นนํ้าทุกชนิด เช่น วิตามิน ซี บี โปรตีน
เพื่อสร้างกรดอะมิโนสร้างเซลล์สมอง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างไข่สำหรับผู้หญิง ถ้ากรดอะมิโน
น้อย ไข่จะมาไม่ครบทุกเดือน ผู้หญิงมีลำไส้ยาวกว่าผู้ชาย 11 ฟุต เพื่อให้การดูดซึมได้นานกว่า
เนื่องจากต้องใช้กรดอะมิโนมากกว่าผู้ชาย เมื่อมีลำไส้ยาวกว่าจึงมีกระดูกซี่โครงมากกว่าผู้ชายข้างละ1 ซี่
 อ้าวหรอ ผู้หญิงมีกระดูกซี่โครงมากกว่าหรือเนี่ย

15.00-17.00 น. เป็นช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ แนวพลังของกระเพาะปัสสาวะเริ่มจาก
หัวตา -> ผ่านหน้าผาก -> ศีรษะ -> ท้ายทอย -> แผ่นหลังทั้งแผ่น -> สะโพก -> ด้านหลังขา ->
หัวเข่า -> น่อง -> ส้นเท้า -> นิ้วก้อย กระเพาะปัสสาวะจะเกี่ยวข้องกับระบบความจำไทรอยด์และ
ระบบเพศทั้งหมด ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออก อาจจะออกกำลังกายหรืออบตัว กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง

ข้อควรระวัง ถ้าเหงื่อมีโซเดียมปนออกมามากไตจะวาย แต่ถ้ามีโปตัสเซียมปนออกมามาก หัวใจจะวาย
แก้ไขเรื่องหัวใจวายด้วยการให้ดื่มน้ำน้ำส้มหรือน้ำมะนาวเพื่อเติมโปตัสเซียม (ผู้ที่มีโปตัสเซียมน้อย
ต้องระวังเรื่องการฉีดยาชา เพราะยาชา จะทำให้โปตัสเซียมลดลงอย่างรวดเร็ว หัวใจอาจวายได้ง่าย)
การอั้นปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะจะูถูก ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เหงื่อที่ออกมามีกลิ่นเหม็น
เหมือนปัสสาวะ
 เพื่อนเราตัวเหม็นหลังออกกำลังกาย แสดงว่าอั้นปัสสาวะหรอ

17.00-19.00 น. เป็นช่วงเวลาของไต จึงควรทำใจให้สดชื่น ไม่ควรง่วงเหงาหาวนอนในช่วงเวลานี้
ผู้ใดมีอาการง่วงนอนช่วงเวลานี้ แสดงว่ามีปัญหาเรื่องไตเสื่อม ถ้านอนหลับแล้วเพ้อ แสดงว่าอาการ
หนักมาก
- ไตซ้าย จะคุมสมองด้านขวา ซึ่งควบคุมด้านความคิดสร้างสรรค์อารมณ์สุนทรีย์ รักสวยรักงาม
ชอบแต่งตัว ถ้าไตซ้ายมีปัญหา อารมณ์รักสวยรักงามจะหมดไป กลายเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว และ
เป็นคนขี้ร้อน
- ไตขวา จะคุมสมองด้านซ้าย ซึ่งควบคุมด้านความจำ ถ้าไตขวามีปัญญา ความจำจะเสื่อม
และเป็นคนขี้หนาว(ผู้ที่ไตแข็งแรงจะเป็นคนมีอายุยืน เป็นคนกล้า)

ถ้าลำไส้เล็ก มีไขมันเกาะมาก อาหารที่อยู่ในรูปของสารละลายจะผ่านลำไส้เล็กไม่ได้ จึงตกเป็น
ภาระของไต เป็นผลให้ไตทำงานหนัก จึงกลายเป็นโรคไต ผู้ที่เป็นโรคไต สมองจะเสื่อมปวดหลัง
เป็นหวัดง่าย มีเสลดในคอ
การดูแล คือ ตอนเช้าอาบน้ำเย็น ตอนเย็นให้อาบน้ำอุ่น กรณีที่อาบน้ำไม่ได้ ให้ใช้วิธีแช่เท้า
แต่นํ้าควรใส่สมุนไพรที่ถูกโฉลกของผู้ป่วย เช่น ขิง ข่า กระชาย อย่างใดอย่างหนึ่ง
ตอนเช้ามันหนาวนะให้อาบน้ำเย็นอีกหรอ

19.00-21.00 น. เป็นช่วงเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ ช่วงเวลานี้ควรจะสวดมนต์ ทำสมาธิ
ปัญหาเกี่ยวกับเยื่อหุ้มหัวใจ คือ หัวใจโต หัวใจรั่ว เส้นโลหิตหัวใจตีบ ดังนั้นผู้ป่วยต้องระวังเรื่อง
ตื่นเต้น ดีใจ การหัวเราะ กรณีเส้นเลือดขอด ต้องดูแลเยื่อหุ้มหัวใจให้แข็งแรง ควรใส่เสื้อผ้า ชุดสีดำ เทา
เอาเท้าแช่ในน้ำอุ่น
 หมายถึงห้ามขำหรอเนี่ย

21.00-23.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น จึงห้ามอาบน้ำเย็นในช่วงเวลานี้
เพราะจะทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย อย่าไปตากลม เพราะเป็นช่วงที่ลมเป็นพิษ
ตาก-ลม นะ ไม่ใช่ ตา-กลม

23.00-01.00 น. เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี (ถุงน้ำดีเป็นถุงสำรองเก็บน้ำย่อยยที่ออกมาจากตับ)
อวัยวะใดในร่างกายเมื่อขาดน้ำ จะมาดึงน้ำจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น เป็นผลให้อารมณ์ฉุนเฉียว
สายตาเสื่อม เหงือกจะบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก หรือตอนเช้าจะจาม (ถุงน้ำดีจะโยงถึงปอด)
จะปวดศีรษะข้างเดียวหรือสองข้างโดยไม่ทราบสาเหตุ ( ผู้ที่ตัดถุงน้ำดีออก เมื่อตรวจด้วยลูกดิ่ง
จะพบว่า ถุงน้ำดีข้น มักมีอาการปวดขา ปวดสะโพก)

ทางแก้ คือ อย่าใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าใยสังเคราะห์ ไนล่อน ชุดนอนที่ทำจากใยสังเคราะห์จะไป
ดูดน้ำในร่างกาย ควรสวมชุดผ้าฝ้ายจะดีที่สุด ไม่ควรนอนบนที่นอนสูง ๆ เพราะจะทำให้เสียนํ้าใน
ร่างกาย ดังนั้น ควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน หรือก่อนเวลา 23.00 น.
ถ้าไม่ใส่อะไรนอน คงไม่ผิดกติกามั้ง อิอิ

ปล. ใครจะเอาไปใช้ ก็คงจะทำให้สุขภาพดีขึ้นแน่ ๆ แต่คงทำได้ไม่หมดทุกข้อแน่เลย

ที่มา  :
http://teemgroup.blogspot.com/search?updated-min=2009-01-01T00%3A00%3A00%2B07%3A00&updated-max=2010-01-01T00%3A00%3A00%2B07%3A00&max-results=45